ถึงแม้ว่าเดือนนี้จะเป็นช่วงของ ฤดูฝนแล้วแต่สำหรับอากาศประเทศไทยก็ยังคงร้อน เหงื่อไหลกันอยู่ดี ฤกษ์งามยามดีวันนี้เลยปัดฝุ่นเตบอบขนมกับเครื่องผสมอาหารเสียหน่อย หลังจากยุ่งๆกับการทำงานมานานหลายเดือน ขนมปังเนยสดสูตรนี้เป็นสูตรที่ร่ำเรียนมาตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา เจ้าของสูตรคือ ท่าน ผศ.มณฑิรา เนตรทิพย์ อาจารย์แห่งมหาวิทยาลัยราชมงคลกรุงเทพ ซึ่งเป็นสูตรขนมปังที่ทำกี่ครั้งๆ ก็อร่อยทุกครั้ง ทานคู่กับกาแฟยามบ่ายแก้ง่วง หรือทานคู่กับนมสดตอนเช้าๆ ดีนักแล ไม่รอช้าตามมาดูสูตรกันเลยค่ะ สูตร ขนมปังเนยสด ใช้ถาดฟอยล์สตาร์ฟอยล์ 3427-P ได้ขนมปัง 6 ถาดค่ะ ส่วนผสมขั้นที่ 1 (sponge) แป้งขนมปังร่อนแล้ว 55 กรัม แป้งสาลี(บัวแดง) 50 กรัม ยีสต์แห้งชนิดผง 10 กรัม น้ำตาลทราย 15 กรัม น้ำเปล่า(อุ่นๆ) 120 กรัม ![]() วิธีทำ 1.เคล้าแป้งทั้งสองชนิดกับยีสต์จนเข้ากัน 2.คนน้ำตาลทรายกับน้ำเปล่าจนละลาย เทใส่แป้ง ยีจนไม่เป็นเม็ด พักไว้ให้ขึ้น ระหว่างที่เรารอให้ เนื้อ Sponge ขึ้นฟูเราก้มาเตรียมเนื้อ dough กันค่ะ ส่วนผสมที่ 2 (dough) (1)แป้งขนมปังร่อนแล้ว 350 กรัม (1)แป้งสาลี(บัวแดง)ร่อนแล้ว 50 กรัม (2)น้ำเปล่า 120 กรัม (2)น้ำตาลทราย 150 กรัม (2)เกลือป่น 5 กรัม (2)นมข้นจืด 30 กรัม (3)ไข่ไก่ทั้งฟอง 1 ฟอง (3)ไข่ไก่ (เอาเฉพาะไข่แดง) 1 ฟอง (4)เนยสดพักไว้พอนิ่ม 70 กรัม (5)เนยสดตัดเป็นชิ้นก้อนสี่เหลี่ยมสำหร้บใส่ไส่ขนมปังประมาณ 30 ชิ้น แช่ตู้เย็นรอไว้ วิธีทำ 1.ร่อนแป้ง(1)ทั้งสองชนิดให้เข้ากันเตรียมไว้ = (6) 2.ผสมส่วนที่ (2) คนให้เข้ากันพักไว้ =(7) 3.เทส่วนผสม (6) และ (7) ลงในส่วนผสมของเนื้อ sponge นวดพอเข้ากันแล้วใส่ (4) นวดต่อจนส่วนผสมเนียน ขึง้ป็นแผ่นบางๆ ไม่ขาดง่าย จากนั้นหมักในชามผสมที่ทาไขมันบางๆ คลุมด้วยพลาสติกใสหรือผ้าขาวบางชุบน้ำพอหมาด พักไว้จนขึ้นฟูเป็นสองเท่า 4.ตัดแป้งชั่งก้อนละ 40 กรัม คลึงเป็นก้อนกลมให้เรียบเนียน พักไส้อีก 5-10 นาที 5.หงายก้อนแป้ง เอาด้านบนลงล่างแผ่ให้กว้างประมาณ 3 นิ้ว วางเนยสด(5)วางตรงกลาง หุ้มแป้งให้มิดทั้งสี่ด้าน บีบตะเข็บให้แน่นเนยจะได้ไม่ไหลเวลาอบ 6.ใช้ถาดฟอยล์ #StarFoil3427-P วางก้อนแป้งได้ถาดละ 5 ก้อน จะได้ทั้งหมด 6 ถาดค่ะ คลุมด้วยฝาพลาสติกที่มาในถาดฟอยล์นั้นแหละค่ะ #สะดวกดีไม่ต้องเปลืองเนื้อที่พักแป้ง พักไว้จนแป้งขึ้นฟูเป็นสองเท่า 7.อบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ก่อนอบให้ทานมสดหรือพรมน้ำเปล่าก่อนอบค่ะ อบให้สุกเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ (กลิ่นหอมจะออกช่วงนี้ค่ะ) นำออกจากเตาทาเนยสดที่ผิวหน้าให้ทั่วทันที วางบนตะแกรงพักไว้ให้เย็น 8.ก่อนเสิร์ฟร่อนน้ำตาลไอซิ่งให้ทั่วหน้าขนมปังคะ หรือถ้าทำขายจะแพ็คน้ำตาลไอซิ่งแยกให้ต่างหากก็ได้ค่ะ วิธีทำ พร้อมรูปภาพประกอบค่ะ
0 Comments
ครีมบรูเล่ หรือ เครมบรูเล่ มาจากภาษาฝรั่งเศสซึ่งแปลว่า ครีมไหม้ ด้วยวิธีการจัดเสิร์ฟอันเป็นเอกลักษณ์ที่น่าจดจำ ทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในทั่วโลก ครีมบรูเล่เป็นขนมหวานที่มีส่วนประกอบหลักคือ ไข่แดง วิปปิ้งครีมสด น้ำตาล (คล้ายสังขยาบ้านเราเลย) แต่ความพิเศษของขนมหวานชนิดนี้คือ ก่อนเสิร์ฟจะโรยน้ำตาลทรายแดงแล้วใช้ปืนไฟเผาน้ำตาลจนไหม้เป็นผิวคาราเมลเคลือบอยู่บนหน้าขนม เนื้อสัมผัสที่ได้จะมีความนุ่ม หอมหวานเนื้อคัสตาร์ดเย็นๆ และกรุบกรอบจากน้ำตาลไหม้ที่เคลือบอยู่บนผิวหน้า เอาเป็นว่า หากใครยังนึกไม่ออกว่าหน้าตาเจ้าครีมบรูเล่เป็นอย่างไร มาดูกันเล้ยย ส่วนผสม
1. วิปปิ้งครีมสดชนิดกล่อง 3 ถ้วยตวง 2. นมสด 3/4 ถ้วยตวง 3. ไข่แดง (ไข่ไก่) 14 ฟอง 4. น้ำตาลทราบเม็ดเล็ก 150 กรัม 5. กลิ่นวานิลลา วิธีทำ 1. นำวิปครีม นมสดและน้ำตาลทรายเช้าด้วยกัน ตั้งไฟกลางพออุ่นคนจนน้ำตาลทรายละลาย ยกลงเติมกลิ่นวานิลลา ทิ้งไว้จนเย็นสนิท 2. เติมไข่แดงในส่วนผสมข้อที่ 1 คนเข้าด้วยกันอย่างเบามือ กรองผ่านกระชอน เทลงถ้วยฟอยล์ วางขนมเรียงบนถาดที่รองด้วยน้ำ นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 300 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 150 องศาเซลเซียส ประมาณ 40 - 50 นาที พอขนมสุกพักไว้จนเย็นสนิท นำขนมที่อบสุกแล้วมาโรยหน้าด้วยน้ำตาลทรายเล็กน้อย ใช้เครื่องพ่นไฟเผาหน้าขนมจนเหลืองออกน้ำตาลเล็กน้อย จัดเสิร์ฟ มาแล้วๆ ห่างหายไปนาน คิดถึงเวลาเก่า ๆ จังเลยโน๊ะ .... และเมนูวันนี้ของเราคือ เค้กซาวน์ครีมนั่นเอง พูดถึงเค้กซาวน์ครีมแล้วหลาย ๆ คนอาจเคยทานกับมาบ้างแล้ว แอดเลยจะพาไปรู้จักกับเจ้าซาวน์ครีมให้มากกว่านี้คะ Sour cream (ครีมเปรี้ยว) คือ ผลิตได้จากการหมักครีมไขมันเนยร้อยละ 18 ด้วยแล็กทิกแบคทีเรีย เช่น Streptococcus lactic และ Streptococcus cremoris รวมทั้งแบคทีเรียสร้างกลิ่น เช่น Leuconostoc cirtovorum และ Leuconostoc dextrainicum แบคทีเรียกลุ่มแรกเปลี่ยนแล็กโทสไปเป็นกรดแล็กติก และผลพลอยได้ (by-product) คือกรดซิตริกซึ่งถูกเปลี่ยนไปเป็นไดแอซีติล (diacetyl) โดยแบคทีเรียกลุ่มหลัง การสร้างกรดเกิดที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส และยังเป็นการป้องกันการเน่าเสียจากจุลินทรีย์พวกชอบเจริญที่อุณหภูมิสูง ในสหรัฐอเมริกาเรียกครีมชนิดนี้ว่า Acidified sour cream ผลิตจากการทำให้เป็นกรดโดยตรงซึ่งอาจจะใช้แล็กทิกแบคทีเรียหรือไม่ก็ตาม ประเทศไทยกำหนดให้ครีมเปรี้ยวมีมันเนยไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 เห็นไหมหล่ะว่ากลับมารอบนี้ เราไม่ได้กะว่าจะกิน เอ๊ย!! เราไม่ได้มากันเล่นๆนะคะ บอกเลยยย อย่าชักช้าเสียเวลาคะ ตามไปเก็บสูตรกันเลยยย ได้แล้ว ซาวน์ครีมเค้กของเรา วิปปิ้งครีมโป๊ะตามด้วยผลไม้สด หรือจะทานเปล่าๆคู่กับกาแฟยามบ่าย น่าจะเข้าท่าดีแท้ .... กิกิ ส่วนผสม
1. เนยสด (อุณหภูมิห้อง) 1 + 1/2 ถ้วยตวง 2. น้ำตาล 3 ถ้วยตวง 3. ไข่ไก่ฟองใหญ่ (เบอร์0) 6 ฟอง 4. แป้งสาลีเอนกประสงค์ 3 ถ้วยตวง 5. เกลือ 1/2 ช้อนชา 6. เบคกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา 7. ครีมเปรี้ยว 8 ออนซ์ 8. กลิ่นเลม่อน 1 ช้อนชา 9.กลิ่นอัลมอนต์ 1/4 ช้อนชา สำหรับตกแต่ง 1. วิปปิ้งครีม 2. ผลไม้ตระกูลเบอรี่สด วิธีทำ 1. เปิดเตาที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส (350 F) ร่อนส่วนผสมของแห้ง (แป้ง + เบคกิ้งโซดา + เกลือ) พักไว้ 2. เตรียมเครื่องผสมอาหาร ใช้หัวตีใบไม้ความเร็วปานกลางของเครื่อง ตีเนยสดจนเป็นเนื้อครีม จากนั้นเติมน้ำตาล ตีต่อจนเป็นเนื้อครีมฟูสีขาว เติมไข่ทีละฟอง (1 ฟอง ต่อ 1 นาที) จนครบ ตีจนส่วนผสมเข้ากันดี 3. ใช้ความเร็วเครื่องผสมระดับต่ำ เติมส่วนผสมของแห้งที่ร่อนไว้ โดยแบ่งเติม 3 ครั้ง สลับกับ ครีมเปรี้ยว 2 ครั้ง (แป้ง - ครีมเปรี้ยว - แป้ง - ครีมเปรี้ยว - แป้ง) จนกระทั้งเนื้อเค้กเข้ากันได้ดี เติมกลิ่น เลม่อนและกลิ่น อัลมอนต์ ผสมให้เข้ากันอีกครั้ง เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการผสมแป้ง :) ตักใส่พิมพ์ ประมาณ 1/2 ของพิมพ์ (สำหรับตกแต่งหน้าเค้ก) หรือ ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ (เค้กฟูเต็มถาด) 4. นำเข้าเตาอบ ประมาณ 20-30 นาที เช็คความสุกของขนมจากกลิ่นขนมหรือใช้ไม้แหลม 5. เมื่ออบเสร็จแล้ว ทิ้งเค้กไว้ให้เย็น จัดเสิร์ฟตกแต่งด้วยวิปปิ้งครีมและผลไม้สด ทานคู่กับชา หรือกาแฟ เจริญพุงดีนักแล *****ปล. นำเนื้อเค้กมาแรป สามารถเก็บเค้กไว้ได้ 3 วัน หรือ แรปแล้วนำเข้าช่องแช่แข็ง สามารถเก็บได้ 2 เดือนหรือมากกว่า 2 เดือน****** turtle cupcake สูตรนี้จะมีเอกลักษณ์จากซอสคาราเมล ถั่ว และช็อคโกแลตแบบเข้มข้น ที่รับรองว่าอร่อยจนวางไม่ลงเลยคะ มารู้จักกับช็อคโกแลตกันก่อนนะคะ ช็อคโกแลต ♥♥ คือผลิตผลที่ได้มาจากเมล็ดของต้นโกโก้เขตร้อน ช็อกโกแลตเป็นส่วนผสมของของหวานหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นไอศกรีม ลูกอม คุกกี้ เค้ก หรือว่าพาย ช็อกโกแลตถือได้ว่าเป็นของหวานอย่างหนึ่งที่ถูกใจคนทั่วโลก ช็อกโกแลตทำจากการหมัก คั่ว และบดอย่างละเอียดของเมล็ดโกโก้ซึ่งได้มาจากต้นโกโก้เขตร้อน (tropical cacao tree) ซึ่งมีต้นกำเนิดจากอเมริกากลางและเม็กซิโก ต้นโกโก้นั้นค้นพบโดยชาวอินเดียนแดงและชาวอัซเตก (Aztecs) แต่ในปัจจุบันได้แพร่กระจายและปลูกไปทั่วเขตร้อน เมล็ดของต้นโกโก้นั้นมีรสฝาดที่เข้มข้นมาก ผลผลิตของเมล็ดโกโก้รู้จักกันในนาม "ช็อกโกแลต" หรือบางส่วนของโลกในนาม "โกโก้" ผลิตภัณฑ์จากเมล็ดโกโก้รู้จักภายใต้หลายชื่อที่แตกต่างกันไปในส่วนต่าง ๆ ของโลก ในอเมริกา อุตสาหกรรมช็อกโกแลตได้จำกัดความไว้ โกโก้ (cocoa) คือเมล็ดของต้นโกโก้ เนยโกโก้ (cocoa butter) คือไขมันของเมล็ดโกโก้ ช็อกโกแลต (chocolate) คือส่วนผสมของเมล็ดและเนยโกโก้ ช็อกโกแลตคือส่วนผสมระหว่างเมล็ดของฝักถั่วโกโก้และเนยโกโก้ ซึ่งได้ผสมน้ำตาลและส่วนผสมอื่น ๆ และทำให้อยู่ในรูปของแท่งและรูปอื่น ๆ เมล็ดของต้นโกโก้นอกจากทำเป็นช็อกโกแลตได้แล้วยังสามารถทำเป็นเครื่องดื่มได้ด้วย เช่น ช็อกโกแลตร้อน เครื่องดื่มช็อกโกแลตนั้นคิดค้นขึ้นโดยชาวอัซเตก (Aztecs) หลังจากนั้นโดยชนเผ่าอินเดียนแดงและชาวยุโรป บ่อยครั้งที่ช็อกโกแลตมักจะทำให้อยู่ในรูปของสัตว์ต่าง ๆ คน หรือวัตถุในจินตนาการ เพื่อร่วมในงานเฉลิมฉลองต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น รูปกระต่าย รูปทรงไข่ในเทศกาลอีสเตอร์ รูปของเหรียญหรือซานตาคลอสในเทศกาลคริสต์มาส และรูปทรงหัวใจในเทศกาลวาเลนไทน์
สำหรับตกแต่ง: คาราเมล ถั่วพีแคน หรือ ถั่วอัลมอนต์ ช็อคโกแลตแท้ตุ๋น วิธีทำ เนื้อคัพเค้ก 1. วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส แล้วเตรียมถ้วยฟอยล์สตาร์โปรดักส์ 3319-P 2. ร่อนแป้ง เบคกิ้งโซดา เกลือ พักไว้ 3. ละลายเนยและช็อคโกแลตรวมกัน 4. จากข้อที่ (3) เติมน้พตาลทราย แล้วตีให้ส่วนผสมเข้ากันดี 5.เติมไข่ไก่ โดยใส่นาทีละ 1 ฟองจนกระทั้งหมด จึงเติมกลิ่นวานิลาตีต่อให้เข้ากันดี 6. เติมแป้งใน (2) ใช้ความเร็วต่ำผสมจนเข้ากันดี 7. ตั้งใส่ถ้วยฟอยล์สตาร์โปรดักส์ประมาณ 2/3 ของความสูงถ้วย 8.นำเข้าอบประมาณ 15-20 นาที โดยประมาณ หรือจนกระทั่งเค้กสุก พักไว้ให้เนื้อเค้กเย็น เตรียมส่วนผสมช็อคโกแลตบัตเตอร์ครีมไอซิ่ง วิธีทำ ช็อคโกแลต บัตเตอร์ครีม ไอซิ่ง 1. ใช้เครื่องปั่นผสมตีเนยสดและเนยขาว เติมกลิ่นวานิลา จนกระทั่งครีมเริ่มฟูขาว
2. แบ่งน้ำตาลทรายออกเป็น 4 ส่วน ทยอยผสม 1 นาทีต่อ 1 ส่วน (ใช้ความรเ็วปานกลางของเครื่องผสม) จนกระทั่งหมด 3. ทยอยเติมนม (ใช้ความเร็วปานกลาง) ผสมให้เข้ากัน แล้วเติมผงโกโก้ ผสมต่อให้เข้ากันจนเป็นเนื้อครีมฟู หมายเหตุ ส่วนผสมช็อคโกแลต บัตเตอร์ครีมไอซิ่ง ได้ปริมาณ 3 ถ้วยตวง นาทีนี้ คงมีน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก RedVelvet cake หรือเรียกอีกชื่อว่า เค้กกำมะหยี่สีแดง ด้วยรสชาติและสีสันของตัวเค้กสีแดงจากโกโก้ตัดกับครีมชีสสีขาว ทำให้รสชาติของเค้กเรด เวลเว็ทโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ สาวๆหลายคนหลงใหล และแน่นอนวันนี้เรามีสูตรดีดี จาก Wilton ที่รับรองได้ว่าอร่อย เพราะแอดมินทดลองให้คุณแล้วค่าาา สูตรนี้มาจากสูตรของ wilton นะคะ ปล. แอดมินใช้ถาดฟอยล์สตาร์โปรดักส์ 6302-P ค่าาา ส่วนผสมเนื้อเค้ก 1. แป้งเอนกประสงค์ 2+1/2 ถ้วยตวง 2. ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ 3. ผงฟู 1+1/2 ช้อนชา 4. เกลือ 1 ช้อนชา 5. เนยจืด 1/2 ถ้วยตวง (113.5 กรัม) 6. น้ำตาลทรายเม็ด 1+1/2 ถ้วยตวง 7. ไข่ไก่ 2 ฟอง 8. No-Taste Red Icing Color 1 ช้อนชา (สีผสมอาหารวิลตันสีแดง) 9. Wilton Clear Vanila Extract 1 ช้อนชา (กลิ่นวานิลลาจากวิลตัน) 10. บัตเตอร์มิลล์ 1 ถ้วย 11. น้ำเปล่า 2 ช้อนชา 12. น้ำส้มสายชูกลั่นขาว 1+1/2 ช้อนชา 13.เบคกิ้งโซดา 1 ช้อนชา ส่วนผสมครีมชีส 1. ครีมชีส 12 oz. 2. Wilton Clear Vanila Extract 2 ช้อนชา 3.เนย (ที่อุณหภูมิห้อง) 1 ถ้วยตวง 4. น้ำตาลทรายเม็ด 4 ถ้วยตวง วิธีทำเนื้อเค้ก 1. เริ่มจากวอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 180 องศาเซลเซียส ไว้ก่อนคะ 2. เตรียมอ่างผสมขนาดกลางร่อนแป้ง ผงฟูและเกลือพักไว้ 3. เตรียมอ่างผสมขนาดใหญ่ตีเนยและน้ำตาลด้วยหัวตีใบไม้ ใช้ความเร็วปานกลางของเครื่องตีจนกระทั่งได้เป็นเนื้อครีมที่ฟูและขาว เติมไข่, สีผสมอาหารสีแดงวิลตัน, กลิ่นวานิลาจากวิลตัน เปิดเครื่องผสมตีต่อให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี (อย่าลืมปาดก้นอ่างด้วยนะคะ) 4. เริ่มใส่แป้งโดยแบ่งเป็น 3 ส่วน บัตเตอร์มิลล์ 2 ส่วน เปิดเครื่องตีใช้ความเร็วต่ำสุดของเครื่อง ใส่แป้งสลับกับบัตเตอร์มิลล์ โดยเริ่มที่ ใส่แป้งก่อน ผสมจนเข้ากันแล้วใส่น้ำเปล่า เปิดเครื่องตีต่อจนเข้ากันดีได้เป็นเนื้อเค้ก 5. เตรียมอ่างผสมใบเล็ก ใส่น้ำส้มสายชูกลั่นขาวและเบคกิ้งโซดาคนให้เข้ากันแล้วผสมในเนื้อเค้ก 6. นำเข้าเตาอบเป็นเวลา 20-22 นาที หรือจนกระทั่งสุก วิธีทำครีมชีส 1. ตีครีมชีสและเนยในอ่างผสมขนาดใหญ่จนกระทั่งส่วนผสมขึ้นฟูขาว 2. เติมวานิลาและน้ำตาลทราย ตีต่อจนส่วนผสมเนียน "The pre-colored, ready-to-use Wilton Icing Pouch makes it easy to add quick details to cakes, cupcakes and other sweet treats"
ในไอซิ่งเพ้าซ์มาพร้อมกับหัวบีบ 2 หัวในตัว สามารถถอดเปลี่ยนได้ มาดูกันเล้ยย ยย เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ลายง่าย ๆ สวย ๆ ถูกใจ เหมาะสำหรับเด็กมากๆเลย สำหรับที่มีไอเดียการตกแต่งสามารถแบ่งปันไอเดียดีดีมาได้ที่ https://www.facebook.com/welovewilton บริษัท วีเจพีโกลบอล จำกัด เป็นผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์วิลตันไอซิ่งเพ้าซ์
สวัสสสดี ดี๊ย์ดี.....ใกล้จะวันวาเลนไทน์แล้ว ช่วงเวลาของคู่รักที่แสนสุข บรรดาสาวๆกำลังมองหาขนมไว้เซอร์ไพร้ คุณผู้ชายอยู่ใช่ไหมละคะ วันนี้เลยมีเมนูง๊ายยง่ายมานำเสนอคะ นั่นก็คือออออ ทาร์ตนมสตรอว์เบอร์รี่ เองค่าาาา ตามมาดูกันเลยนะคะ เตรียมตัววว..... เริ่มได้ ส่วนผสมแป้งทาร์ต
1. แป้งเค้ก 200 กรัม 2. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา 3. น้ำตาลไอซิ่ง 2 ช้อนโต๊ะ 4. ไข่แดง 1 ฟอง 5. น้ำเปล่า 2-3 ช้อนโต๊ะ 6. เนยสดชนิดจืด 100 กรัม วิธีทำแป้งทาร์ต 1. ละลายเนย พักไว้ให้อุ่นเล็กน้อย 2. เตรียมอ่างผสมตวงแป้งเค้กและเกลือ พักไว้ แล้วร่อนน้ำตาลไอซิ่งใส่ลงไป คนๆให้เข้ากันทำเป็นบ่อตรงกลาง 3. เติมไข่แดง น้ำเปล่า และเนยลงไปในบ่อแป้งที่ทำไว้ คนให้เข้ากัน (ห้ามนวด) เมื่อเนื้อทาร์ตเข้ากันดีแล้ว ใช้พลาสติกใสคลุมให้มิดชิด พักไว้ในตู้เย็น ประมาณ 15 นาที 4. เปิดเตาอบ 180 องศาเซลเซ๊ยส 5. นำแป้งพายคลึงเป็นแผ่นความหนาประมาณ 3 มิลลิเมตร ตัดใส่พิมพ์ กรุแป้งตามพิมพ์ ใช้ส้อมจิ้มทั่วแป้ง 6. นำเข้าเตาอบ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที เมื่ออบเสร็จแล้วพักไว้ให้เย็น ส่วนผสมครีม 1. ไวต์ช็อกโกแลตหั่นชิ้นเล็ก 50 กรัม 2.ครีมสด 50 มิลลิลิตร 3. น้ำตาลทราย 20 กรัม 4. กลิ่นวานิลลาเล็กน้อย วิธีทำครีม 1. ใส่ไวต์ช็อกโกแลตในชามผสม ต้มครีมสด น้ำตาลทรายและกลิ่นวานิลลา ให้ควันสีขาวขึ้น เทลงในไวต์ช็อกโกแลตใช้ไม้พายคนให้ไวต์ช็อกโกแลตละลาย เทลงในแป้งทาร์ตนำเข้าแช่ตู้เย็น 10 นาที 2. ตัดขั้วสตรอว์เบอร์รี่ออก เรียงลงบนแป้ง ทาแยมแอพริคอตให้ทั่ว โรยดวยพิสตาชิโอ หรือตกแต่งด้วยใบมินต์ จัดเสรืฟ ตารางสีสิลตัน มาแล้วววว ในที่สุดก็ได้เวลาอัพลงเว็บไซต์สักที หลังจากที่ดองงานมานาน (กิกิ)
รีวิวสีผสมอาหารวิลตัน แตกต่างจากสีผสมอาหารยี่ห้ออื่นอย่างไร ดูกันให้ชัดๆ >> กดดูที่คลิปจ้าา สีผสมอาหาร เบเกอรี่ Wilton Icing
1. เป็นสีเนื้อครีมมีความเข้มข้นของเม็ดสีสูง สีไม่มีความผิดเพี้ยน 2. ประหยัดใช้ในปริมาณที่น้อยเพราะเนื่องจากสีมีความเข้มข้น ประหยัดกว่าใช้สีน้ำในท้องตลาด เพียงใช้ปลายพู่กัน หรือปลายไม้จิ้มฟันเท่านั้น 3. ไม่ทำให้รสชาติของขนมเปลี่ยน (ขม) 4. ไม่มีรสและกลิ่น 5. เนื้อสีเข้าได้ดีกับครีม ไขมัน มาแล้ว..มาแล้วววจ้าา......เมนูของเราวันนี้ขอนำเสนอ เค้กสายรุ้งจากสีวิลตันจ้าาา เนื้อเค้กวันนี้ใช้เป็นเนื้อ Spong cake ที่เข้ากั๊นเข้ากันกับบัตเตอร์ครีมหรือครีมสด แต่แม่ครัวกลัวอ้วน (ซึ่งจริงๆมันก็ไม่ทันแล้ว) เลยตกแต่งด้วย ไอซิ่ง กินคู่กับกาแฟ หรือ น้ำชายามบ่ายสบายพุงแล้วคร้าา ส่วนผสม 1. แป้งเค้ก 170 กรัม 2. ผงฟู 1 ช้อนชา
3. น้ำตาลทรายป่น 150 กรัม 4. เกลือ 1 ช้อนชา (ถ้าใช้เนยเค็มไม่ต้องใส่) 5. ไข่ไก่ขนาดกลาง 7 ฟอง 6. เนยละลาย 100 กรัม 7. โอวาเลต 20 กรัม 8. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา 9. ไอซิ่ง หรือบัตเตอร์ครีมสำหรับตกแต่ง ** สีผสมอาหาร Wilton Icing Color # Lemon yellow # Pink # Sky Blue # Kelly Green |
Categoriesมาทำขนมกันเถอะ ^^ผู้เเต่งZaRa-A (สะ-ระ-เอ) ผู้เเต่งJUJUIT จูจุ๊ยเป็นนักออกแบบที่ฝันว่าวันนึงจะได้เป็นฟู้ดดีไซน์เนอร์ <3 Archives
July 2016
|